วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

One Piece The Movie 10 - ผจญภัยเหนือหล้าท้าโลก 5/6


One Piece The Movie 10 - ผจญภัยเหนือหล้าท้าโลก 4/6


One Piece The Movie 10 - ผจญภัยเหนือหล้าท้าโลก 3/6


One Piece The Movie 10 - ผจญภัยเหนือหล้าท้าโลก 2/6


One Piece The Movie 10 - ผจญภัยเหนือหล้าท้าโลก 1/6




ใครว่ามีแต่ผู้หญิงที่รู้สึกประหม่าเวลาเจอหนุ่มในฝัน แต่ผู้ชายเองก็มีปัญหาเหมือนกันเวลาที่เจอกับหญิงสาวที่ถูกใจ

พวกเขาจะทำอย่างไรเพื่อรวบรวมความกล้าที่มีแล้วตรงเข้าไปพูดคุยทำความรู้สึกกับนางในฝันอย่างไม่เก้อเขิน

และนี่คือ 3 ขั้นตอนง่ายๆสำหรับให้หนุ่มๆใช้แก้อาการเก้อเขิน เวลาที่ไม่รู้จะเข้าไปเริ่มต้นบทสนทนายังไง หรือจะคุยเรื่องอะไรดีเพื่อให้น่าเบื่อ

ขั้นแรก สังเกตดูว่าผู้หญิงที่คุณสนใจกำลังทำอะไรอยู่

ยกตัวอย่างเช่น คุณพบผู้หญิงคนหนึ่งยืนเข้าแถวอยู่ด้านหลังคุณในซุปเปอร์มาร์เกต แม้ในมือของเธอจะไม่ได้ถือสัมภาระจากการช็อปปิ้งมากนัก แต่คุณลองสังเกตดูซิว่าเธอจะเลือกวางอะไรไว้บนสายพานก่อนนคิดเงินบ้าง หรือหากมีผู้หญิงอีกกำลังสั่งเครื่องดื่มที่ร้านสตาร์บั๊คส ขณะที่คุณกำลังต่อแถวรออยู่ ลองสังเกตดูซิว่าเธอสั่งเครื่องดื่มอะไร ซึ่งการสังเกตทุกการกระทำของผู้หญิง เพื่อนำบริบทเหล่านั้นมาเป็นตัวบอกคุณว่าคุณควรจะพูดอะไร

"ผู้ชายส่วนมากมักเริ่มบทสนทนากับผู้หญิงด้วยการพูดเรื่องสัมเภเหระ โดยไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า ซึ่งบางครั้งทำให้มันดูเป็นเรื่องไร้สาระในสายตาของผู้หญิง และกลายเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเธอรู้สึกขบขันจนมักเอาไปเม้าท์ในกลุ่มเพื่อนๆว่า "เธอต้องไม่เชื่แน่ๆว่าเขาเข้ามาหาฉันและพูดว่าอะไร"

ขั้นตอนที่ 2 ทำตามสิ่งที่ได้สังเกตมา

หลังจากคณสังเกตพฤติกรรมคร่าวของเธอมาแล้ว คราวนี้ก็มาสู่ขั้นตอนของการปฏิบัติ โดยต้องเริ่มจากการเปิดเผยตัวตนของเธอ และ เปิดเผยความรู้สึก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณสังเกตว่าผู้หญิงข้างหน้าคุณสั่งกาแฟเอ็กซ์เพรสโซ 2 แก้ว สิ่งแรกที่คุณนึกถึงและปรากฏขึ้นในใจคุณ คือ "คุณชอบดื่มกาแฟเหรอ" ซึ่งอย่าลืมว่า คำถามนั้นจะนำไปสู่คำตอบแค่ว่าใช่หรือไม่ แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่รู้จักพรีเซ็นต์ตัวเองแบบ100% จะเลือกถามว่า "เมื่อคืนคุณดื่มมาหนักหรือครับ หรือไม่ก็ วันนี้คงไปวันที่หนักมากสำหรับคุณ" จำไว้ว่าคุณจะเริ่มคำถามอย่างไร เพื่อให้คุณวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ หรืออยู่ในกระบวนการคิดของเธอ

มันเป็นการง่ายกว่าที่คุณจะพูดคุยกับเธอในเรื่องที่เธอมีประสบการณ์ร่วม เพราะผู้หญิงมักจะร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องทีอยู่ในหัวของเธฮ

อีกตัวอย่างหนึ่ง หากคุณกำลังอยู่ในบาร์ และเห็นผู้หญิงคนหนึ่งด่าถออด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย และเกรี้ยวกราดใส่คนข้างๆเธอ คุณอาจจะเดินเข้าไปโดยตั้งสมมติฐานไว้ก่อนว่า สาเหตุที่เธอมีอาการเช่นนั้น อาจเป็นเพราะว่า "เพื่อนของเธออาจมาสาย" ซึ่งนี่อาจเป็นหนึ่งในวิธีการเปิดการสนทนาโดยอาศัยพื้นฐานจากเรื่องอารมณ์และความรู้สึก เพราะผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเรื่องอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องสูง ซึ่งผู้ชายต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับอารณ์ของเธอ แต่จะทำอย่างไรเพื่อไม่เข้าไปอยู่วังวนในความไม่แน่นอนและขึ้นๆลงๆของอารมณ์พวกเธอ" ซึ่งมันจะนำไปสู่ขั้นตอนที่ 3

ขั้นที่ 3 ฟังในสิ่งที่ผู้หญิงบอก เพื่อให้การสนทนาเป็นไปด้วยความราบรื่น และเพื่อผูกมัดความสัมพันธ์ของคุณ คุณต้องฟังใจในสิ่งทพวกเธอพูด เพราะการรับฟังจะทำให้ผู้ชายรู้ว่าควรพูดอะไรต่อไป ผู้ชายส่วนมากมักคิดว่าจะพูดอะไรต่อไปดี จนถึงขนาดมีสคริปอยู่ในหัวเลยว่าเมื่อไหร่ควรพูดอะไรดี ซึ่งการทำเช่นนั้นไม่เรียกว่าเป็นการสนทนา แต่มันเหมือนเป็นบทภาพยนตร์แย่ๆเรื่องหนึ่ง

บางครั้งผู้ชายก็มักสับสนในบางเรื่องอย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งไม่มีหนทางวิเศษใดที่จะบอกได้ว่าคุณควรพูดหรือปฏิยัติตัวเช่นไร แต่หลักความจริงข้อหนึ่งคือ ผู้ชายควรพูดกับผู้หญิงเหมือนกำลังคุยกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ซึ่งมันอาจจะเป็นการสนทนาทสนุกสนาน ตลก เพราะผู้ชายเพียงต้องการจะผ่อนคลาย และรับฟังสิ่งที่ผู้หญิงพูด

เพียงคุณปฏิบัติตามขั้นตอนทั้งหมด และคุณจะพบกับบทสนทนาที่สุดเลิศ


ดีไซน์เนอร์จากนิวยอร์กบรรเจิดไอเดียคิดค้นนวัตกรรมที่เปลี่ยนให้ สติ๊กเกอร์ติดผลไม้กลายเป็นฉลากที่สามารถละลายกลายเป็นน้ำยาล้างผลไม้ได้

          หลายๆ คนมักจะเกิดความรำคาญในยามที่หยิบผลไม้ขึ้นมากัดแต่กลับเจอสติ๊กเกอร์ติด อยู่บนพื้นผิวของผลไม้ และจะต้องคอยเสียเวลามาลอกสติ๊กเกอร์ออกก่อน ซึ่งยิ่งกินหลายผลก็ยิ่งต้องลอกสติ๊กเกอร์มากเท่านั้น Scott Amron จาก Amron Exptl ดีไซน์เนอร์จากนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ​จึงเกิดปิ๊งไอเดียที่จะเปลี่ยนให้ฉลากน่ารำคาญเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งที่มี ประโยชน์


       ฉลากติดผลไม้แบบใหม่นี้จะละลายกลายเป็นน้ำยาล้างผลไม้ออร์แกนิกเมื่อถูกนำไป ล้างด้วยน้ำและถูเล็กน้อย ซึ่งน้ำยานี้ก็จะมีผลในการทำความสะอาดและชำระล้างสิ่งสกปรก ฝุ่น คราบยาฉีดแมลง รวมไปถึงแบคทีเรีย ออกจากผลไม้ ในขณะที่ผู้ขายเองก็ยังสามารถติดสติ๊กเกอร์ที่รหัสราคาของผลไม้ได้ตามปกติ และฉลากนี้ก็สามารถลอกออกได้แบบเดียวกับสติ๊กเกอร์ทั่วไปเช่นเดียวกัน โดยฉลากติดผลไม้นี้กำลังอยู่ในระหว่างการขอจดลิขสิทธิ์ แต่ก็คาดว่าเมื่อนำมาใช้จริงก็น่าจะได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคแน่ นอน

 
บริษัท Amron เจ้าของไอเดียนี้ ก็ยังได้ออกผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจอื่นๆ มากมายมาแล้ว เช่น “Brush & Rinse” แปรงสีฟันที่ทำหน้าที่ส่งน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกน้ำให้เข้าปากเพื่อบ้วนปาก ได้อย่างสะดวก และคลิปหนีบธนบัตรล่องหนที่ใช้แม่เหล็กดูดธนบัตรแต่ละใบไว้ด้วยกันอย่างเป็น ระเบียบเรียบร้อย เป็นต้น


การนอนหลับพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญ มากในชีวิตประจำวัน ทำให้การดูแลเตียงนอนจึงเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่เช่นนั้นโรคภัยต่างๆก็จะคลุกครามเราอย่างไม่ทันตั้งตัว วันนี้จะสอนวิธีการทำความสะอาดเตียงเพื่อเลี่ยงโรคภัยต่างๆ ให้ทุกคนได้เรียนรู้และนำไปใช้อย่างถูกวิธี

เริ่มจาก ผ้าปูเตียง ไม่ว่าจะทำจากวัสดุชนิดใด แต่ส่วนมากจะใช้วัสดุที่ทำความสะอาดได้ ควรหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ ไม่ใช่เพียงดูแลเรื่องฝุ่นละอองอย่างเดียว แต่ต้องซักทำความสะอาดควบคู่ไปด้วย เพราะเวลาคนเรานอนหลับจะมีเหงื่อออกมาด้วยทุกครั้ง


จากนั้นหันมาให้ความสนใจที่ ผ้าห่ม ซึ่งสมัยนี้คนส่วนใหญ่คงเลือกใช้ผ้านวมเป็นหลัก วิธีการดูแลทำความสะอาดผ้านวมก็สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงใช้ที่ดูดฝุ่นดูดไปตามเนื้อผ้าก่อนซัก เพื่อกำจัดฝุ่นออกให้หมด ต่อมานำผ้านวมออกไปตากแดดบ่อยๆให้สดใสขึ้น และหาไม้หรืออะไรแข็งๆ ทุบผ้านวมก่อนนอนจะช่วยให้ผ้านวมนุ่มฟูยิ่งขึ้น


วันหยุดครั้งต่อไปอย่าลืมทำความสะอาดผ้าปูเตียง และผ้าห่มให้ดี เพราะว่าถ้าที่นอนสะอาดเราก็จะนอนได้เต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น


ร่างกายของใคร ใครก็รัก และการดูแลให้มันอยู่ในสภาพที่ดีก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เราจึงนำ 12 เคล็ดลับรักษาสุขภาพจาก นพ.อนันตศักดิ์ อภัยรัตน์ มาบอกกัน


1.ฝึกสมองสม่ำเสมอ


ช่วงหลังเราพบสุภาพสตรีที่เป็นโรคเกี่ยวกับความจำหรือโรคอัลไซเมอร์มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นเราอาจจะมีความเสี่ยง แม้จะไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็เชื่อว่าบางอย่างสามารถป้องกันได้ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นโรคนี้ หรือชะลอให้ช้าลง เคล็ดลับก็คือพยายามฝึกใช้สมองและพักผ่อนสมองบ้าง อาจจะเป็นการเล่นกีฬา การเรียนดนตรี หรือการเล่นเกมก็จะทำให้สมองได้ฝึกด้วยเช่นกัน


2.มีวินัยเพื่อหัวใจที่แข็งแรง


เราพบว่า ผู้หญิงสมัยนี้เป็นโรคหัวใจมากขึ้น อาจเป็นเพราะเดี๋ยวนี้ผู้หญิงสูบบุหรี่ เครียดจัด หรืออาจเป็นเพราะอาหารฟาสต์ฟู้ด ก็จะทำให้มีไขมันในเลือดสูงขึ้น และทำให้เกิดโรคหัวใจได้ด้วย แต่นี่เป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ด้วยการดูแลเรื่องอาหารการกิน และการออกกำลัง

3.ตรวจเต้านมด้วยตนเอง


ผู้หญิงสามารถดูแลมะเร็งเต้านมได้ด้วยตัวเองโดยการคลำทรวงอก โดยเฉพาะหลังประจำเดือนครั้งสุดท้ายหมดไป 5-7 วัน เพื่อที่จะค้นหาความผิดปกติอาจจะเป็นซีสต์ หรือเนื้องอกต่าง ๆ ซึ่งการที่เรารู้จักการตรวจด้วยตัวเองจะช่วยให้เราพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ เนิ่น ๆ ถ้าเรามาพบแพทย์ แพทย์จะพิจารณาว่าจะเราจะต้องแมมโมแกรมหรือเปล่า ถ้าไม่มีความจำเป็นก็ไม่ต้องตรวจ


4.กินให้ดีเพื่อกระเพาะ


ด้วยไลฟ์สไตล์อย่างเช่นความเครียด กินอาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารไขมันสูง หรือกินอาหารไม่ตรงเวลา เราจึงพบโรคกระเพาะในสุภาพสตรีได้บ่อยขึ้น วิธีป้องกันก็คือ กินอาหารให้ตรงเวลา พยายามอย่ากินอาหารที่มีรสจัดมากเกินไป เช่น อาหารเผ็ดจัด เค็มจัด ควรจะหลีกเลี่ยง


 5.อย่าลืมถุงน้ำดี



เป็นที่พักของน้ำดีเอาไว้ย่อยอาหาร หมอพบบ่อยมากในคนไข้ที่อ้วนอายุ 40 ปีขึ้นไป ที่มีโอกาสเป็นนิ่วในถุงน้ำดี หรือถุงน้ำดีอักเสบได้ ซึ่งอาการก็จะมีปวดท้องบ่อย ๆ เป็น ๆ หาย ๆ หรือก็จะมีไข้สูง เพราะฉะนั้น หากมีอาการดังที่กล่าวมา ก็ควรมาอัลตราซาวนด์ตรวจเช็กด้วย มิเช่นนั้นก็จะไม่หายนะครับ


6.นั่งให้ถูกท่า ห่างไกล Office Syndrome


ตอนนี้เรามีโรคเกี่ยวกับออฟฟิศซินโดรม คือกลุ่มอาการที่เกิดกับพวกที่ทำงานออฟฟิศ เช่น เรื่องของการปวดหลังจากการนั่งไม่ถูกท่า หรือการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มากเกินไป เวลานั่งก็ควรตั้งลำตัวตรง เอนหลังได้ เมื่อนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เกิน 45 นาที ควรจะพัก 10 นาที เพราะนั่งนาน ๆ จะมีความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณหลังตามมา ถ้าเป็นมาก ๆ ก็อาจเป็นเรื่องของหมอนรองกระดูกเสื่อม หรือว่าเคลื่อนได้ เพราะฉะนั้นต้องมีการพักของแต่ละอวัยวะพอสมควร และก็ต้องมีการพักสายตาด้วยเหมือนกัน เวลาจ้องคอมพิวเตอร์ก็จะปวดหัว เพราะต้องใช้สายตาและกล้ามเนื้อที่คอ ตรงนี้ก็จะปวดคอได้อีก

7.ออกกำลัง


กลับมาเรื่องเดิม การออกกำลังช่วยในเรื่องทั้งร่างกายและจิตใจ แนะนำให้ออกกำลังสัปดาห์ละ 3-4 วัน วันละ 1-2 ชั่วโมง อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก็ได้ จิตใจที่เบิกบานแจ่มใสจะอยู่ในร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์นะครับ


8.ตรวจภายใน (ซึ่งไม่น่ากลัวอย่างที่คิด)


พอเริ่มเข้าสู่เบญจเพส โอกาสเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกก็มี ไม่ใช่แค่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำหรับคนที่อายุยังน้อยและไม่อยากตรวจภายใน สมัยนี้ก็มีการตรวจอัลตร้าซาวนด์เช็กอวัยวะภายในอย่างปีกมดลูก หรือรังไข่ได้

ส่วนคนที่มีประจำเดือนมากผิดปกติ มีอาการปวดผิดปกติ มาไม่สม่ำเสมอ มากกว่าหนึ่งครั้งต่อเดือน หรือว่ามาแบบกะปริบกะปรอยก็มีความจำเป็นต้องตรวจภายในอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อค้นหาความผิดปกติของมดลูก เช่น เนื้องอก หรือแม้แต่มะเร็งปากมดลูก


9.ผ่อนคลายข้อเท้าบ้าง


สุภาพสตรีหลายคนใส่ส้นสูง แต่อาจจะเกิดอุบัติเหตุจากการล้ม พอใส่นาน ๆ ไปก็อาจมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณฝ่าเท้า จึงต้องคอยดู ให้เท้าพักบ้าง เพราะการไหลเวียนโลหิตจะไม่ค่อยดี วิธีแก้คือ ขยับข้อเท้าบ้าง เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกยิ่งขึ้น การบีบนวดก็ช่วยได้ ทำให้เกิดการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณนั้น

10.ดูแลจิตใจ


สภาพของสังคมสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ต้องแข่งขันกันเยอะ ไลฟ์สไตล์แบบนี้ทำให้เกิดความเครียด ยิ่งในสุภาพสตรี บางครั้งเรื่องของฮอร์โมนก็มีส่วนทำให้เราหงุดหงิดมากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่สูงวัยก็จะมีความแปรปรวนของอารมณ์ได้ ต้องหมั่นมีความคิดที่เป็นด้านบวกนิดนึงนะครับ จะทำให้เราดำเนินชีวิตในแง่บวก และทำใจยอมรับปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น


11.ลดปวดรอบเดือนได้ด้วยตัวคุณเอง

บางครั้งผู้หญิงอาจจะมีอาการปวดท้อง เป็นไข้ในช่วงที่มีประจำเดือน บางคนก็เป็นมากเลย ในกรณีที่เราจะดูแลสุขภาพการมีรอบเดือนเนี่ย ก็อาจจะออกกำลังสักหนึ่งสัปดาห์ก่อนมีรอบเดือน ก็จะทำให้เราลดอาการปวดท้องจากการมีรอบเดือนได้ และควรจะงดอาหารประเภทที่มีไขมันสูง และกินอาหารที่มีวิตามิน แคลเซียม และธาตุเหล็กให้มากขึ้น เพราะในเวลาที่มีประจำเดือนจะมีการเสียแร่ธาตุเหล่านี้ไป


12.อย่าอั้นถ้าปวดเบา


ด้วยสรีระของผู้หญิงการที่เรากลั้นปัสสาวะนาน ๆ หรือดื่มน้ำน้อย ก็จะทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ในยุคปัจจุบันที่เร่งรีบทุกอย่าง การกินอยู่ หรือการเดินทางเวลารถติด ทำให้ผู้หญิงเข้าห้องน้ำไม่ได้ ก็ต้องกลั้นไว้ วิธีป้องกันก็คือ ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว อย่ากลั้นปัสสาวะ ถ้าปวดต้องรีบเข้าห้องน้ำทันที ถ้ารถติดก็ต้องแวะเข้าห้องน้ำครับ


ในภาวะวิกฤตเช่นในปัจจุบัน ผู้คนต่างเผชิญกับภาวะเครียดกันทั่วหน้า
 
ผู้ประสบภัยก็เครียดกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ผู้ที่ยังไม่ประสบภัยก็เครียดจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และทุกคนก็คงเครียดกับข่าวสาร ความไม่แน่นอนของข่าวสาร รวมถึงเครียดกับภาวะข้าวยากหมากแพงที่เกิดขึ้น

ความเครียดที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบมากมาย ทั้งบั่นทอนสุขภาพร่างกายและจิตใจ ขาดสมาธิ อารมณ์ไม่เป็นสุข และอาจส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้าง รวมถึงบุคคลในครอบครัวอีกด้วย ดังนั้น เราจึงควรหาวิธีการผ่อนคลายความเครียดที่เหมาะสม เช่น หาเพื่อนพูดคุยหรือระบายความเครียด หาแหล่งให้ความช่วยเหลือ ทั้งเรื่องของที่อยู่อาศัย อาหารการกิน เครื่องอุปโภคบริโภคทั้งหลาย หาทางผ่อนคลายความเครียดโดยพักการรับฟังข่าวสารแล้วหากิจกรรมอื่นทำ ออกกำลังกายหรือนั่งสมาธิเพื่อสงบจิตใจ ก็สามารถช่วยให้เราคลายเครียดได้เช่นกัน

เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดความเครียดในภาวะเช่นนี้ แต่หากความเครียดที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อตัวเรา ครอบครัว หรือคนรอบข้าง ก็คงเกิดผลเสียตามมามากมาย การหาหนทางจัดการกับความเครียดจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้เรามีสติกลับมาจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้อีกครั้ง

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด



บำรุงสมองให้แข็งแรง แหล่งโปรตีนชั้นดี วิตามินซีสูง

          ผัก ดั้งเดิมที่รู้จักกันมานานแสนนาน ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนชั้นประถม จำได้ว่าในชั้นเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ คุณครูให้การบ้านกลับมาทำโดยการให้เพาะถั่วเขียวมาส่ง ซึ่งต้นอ่อนๆ สีขาวๆ ที่งอกมาจากเมล็ดเล็กๆ ของถั่วเขียว นั่นก็คือ ถั่วงอก สีขาวรูปร่างยาวๆ เรียวๆ มีหัวเป็นเม็ดถั่วเขียวนั่นเอง

          จำได้ว่าหลังจากที่เรานำเมล็ดถั่วเขียวไปผังไว้ในกระดาษทิชชูซับน้ำหมาดๆ แล้วเฝ้ารออยู่ไม่กี่วันก็ค่อยๆ เห็นต้นอ่อนชูยอดเรียวสีเขียวอ่อนโผล่พ้นเมล็ดออกมา เป็นความรู้สึกของความภาคภูมิใจอยู่ลึกๆ  ที่สามารถเพาะปลูกพืชผักได้ด้วยตัวเองประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรก (ก็มันง่ายขนาดนั้นใครๆ ก็คงทำได้) ดีใจและภูมิใจในการบ้านชิ้นนี้ยิ่งกว่าชิ้นไหนๆ เสียอีก

          แต่ถึงแม้จะปลูกถั่วงอกได้แล้วก็ใช่จะทำให้เรารู้สึกชอบกินถั่วงอกขึ้นมา หรอกนะ สมัยนั้นความรู้เรื่องโภชนาการยังไม่ฝังสมองจนพอจะทำให้รับรู้ได้ว่าคุณค่า ของอาหารประเภทไหนที่มีประโยชน์กับร่างกายรู้แต่เพียงว่าอะไรอร่อยก็กิน ส่วนอะไรที่ไม่ชอบก็เขี่ยทิ้งไป ดังนั้นก๋วยเตี๋ยวน้ำลูกชิ้นในชามของเราจึงมักมีน้ำซุปและถั่วงอกถูกวางทิ้ง ติดก้นถ้วยอยู่เสมอๆ กว่าจะเริ่มรู้ตัวว่าได้ทิ้งสารอาหารที่มีคุณค่าไปเสียตั้งนมนานก็เกือบจะ สายเกินกาลไปแล้ว

          ความเป็นมา

          ว่ากันว่าถั่วงอกนั้นถือได้ว่าเป็นมรดกวัฒนธรรมอาหารของเอเชียเลยเชียว ประเทศแรกในโลกที่เพาะถั่วงอกหัวโตกินก็คือจีน มีหลักฐานแสดงว่าจีนกินถั่วงอกมาตั้งแต่ ๒,๙๓๐ ปีก่อนคริสตกาล คนจีนโบราณใช้ถั่วเหลืองงอกเป็นแหล่งวิตามินซีในฤดูหนาวที่ผักและผลไม้หายาก โดยเฉพาะกะลาสีเรือจะเพาะถั่วงอกกินในเรือเพื่อป้องกันและรักษาโรคลักปิด ลักเปิด เป็นอันรู้กันว่าถั่วเหลืองงอกมีวิตามินซีส่วนถั่วเหลืองดิบและเต้าหู้ที่ ผลิตจากถั่วเหลืองก็หามีวิตามินซีไม่

           คุณค่าทางอาหาร

          เมื่อนำถั่วเหลืองมาเพาะเป็นถั่วงอกจะมีวิตามินซีสูง (ถั่วงอก 100 กรัม มีวิตามินซี 5 มิลลิกรัม) ส่วนโปรตีนในถั่วงอกมีมากกว่าถั่วธรรมดาเล็กน้อยนอกจากนั้นการงอกยังทำให้ เกิดวิตามินบี 12 ซึ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตและซ่อมแซมเซลล์ ถั่วงอกมีธาตุเหล็กที่ร่างกายย่อยได้ง่ายกว่าผักอื่นๆ มีวิตามินบี 17 และมีสารเลซิธิน (Lecithin) ช่วยบำรุงประสาทและการทำงานของสมอง

          ที่ สำคัญและน่าสนใจสุดๆ สำหรับหนุ่มสาวที่ไม่อยากแก่ ขอบอกว่าถั่วงอกสดๆ มีพลังชีวิตซึ่งทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่แก่เร็ว เนื่องจากในถั่วงอกมีสารต้านความแก่ชื่อ ออซินอน (auxinon) มีคุณสมบัติช่วงให้ร่างกายเป็นหนุ่มสาวได้นาน ไม่แก่เกินวัยไปก่อนจะถึงเวลาอันควร

           ประโยชน์ทางยา

          ถั่วงอกเป็นแหล่งวิตามิน การแพทย์จีนจึงนำถั่วงอกหัวโตไปต้มแกงจืดกิน ช่วยขับเสมหะ ทำให้ปอดโล่ง และขับปัสสาวะ และเนื่องจากโมเลกุลของสารอาหารในเมล็ดของถั่วที่งอกได้เปลี่ยนแปลงไปอยู่ใน ลักษณะที่ร่างกายเราสามารถย่อยได้ง่าย โปรตีนถูกย่อยเป็นกรดอะมิโน แป้งเป็นคารโบไฮเดรตธรรมดาหรือกลูโคส และไขมันเป็นกรดไขมันเรียบร้อยแล้วถั่วงอกจึงเป็นอาหารที่ยอ่ยง่ายมากๆ เมื่อเรารับประทานจึงเท่ากับช่วยประหยัดการทำงานให้กับระบบย่อยอาหาร ลดของเสียและสิ่งตกค้าง (toxin)ในร่างกาย เมื่อระบบร่างกายไม่ต้องทำงานหนักเกินไป ร่างกายจึงเสื่อมช้า ไม่แก่เร็ว


สำหรับผู้ที่เป็นหวัดนั้นอาจจะมีอาการเบา – หนัก  ต่างกันซึ่งแล้วแต่ความแข็งแรงของร่างกาย(ที่ได้รับเชื้อหวัด  บางมีแค่อาการทั่วๆไปเช่น  จาม น้ำมูกไหล  บางรายอาจจะ เป็นไข้ขึ้นสูง  เจ็บคอ  เพราะฉะนั้นเราควรดูแลในช่วงที่เป็นหวัด  ให้บรรเทาให้เร็วขึ้น และช่วยให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ยาก



- ต้องดื่มน้ำมากๆ  อันนี้ต้องบอกไว้ก่อนนะครับ  การที่เราเป็นไข้ร่วมด้วยนั้นทำให้ร่างกายเราร้อนและอ่อนเพลียการดื่มน้ำเข้าไปจะไปช่วยในการปรับอุณหภูมิของร่างกายและทดแทนน้ำที่เสียไปได้  ช่วยปรับความสมดุลในร่างกายให้ไข้ลดลง



-  รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ที่มีวิตามินซีเยอะๆ  อย่างเช่น ส้ม  จะให้ร่างกายของเรามีภูมิคุ้มกันมากขึ้น



- นอนหลับผักผ่อนให้เพียงพอ  ควรที่จะหยุดทำงานชั่วคราวเพื่อให้ร่างการผักผ่อนในระยะฟื้นตัว  ร่างกายต้องกำจัดเชื้อโรคออกไป  เป็นการพักผ่อนด้วยการนอนหลับ  จะทำให้ร่างการฟื้นตัวเร็วขึ้น



-  หากมีอาการใข้ขึ้นสูงควรที่จะหาผ้าซุบน้ำมาเช็คตัวเป็นระยะ ควรที่จะเป็นน้ำที่อุณหภูมิห้อง



- งดรับประทานสิ่งของที่เป็นพิษต่อร่างกาย  อย่างเช่น  ชา  กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์



-  ทำร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ  หากอากาศมีความเย็นจัด  ให้ห่มผ้าเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ



- หากมีอาการเจ็บคอให้ทำการกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ



- อย่าสั่งน้ำมูกแรงๆ  แต่ให้ค่อยเช็ดไม่ควรเอาน้ำมูกกลับเข้าไป  หากมีอากาศมากให้เสริมหมอนสูงขึ้นอีก  เพื่อให้หายใจสะดวกมากขึ้น



- หากมีอาการยังหนักอยู่ให้รีบไปพอแพทย์ทันที  เพราะอาจจะมีโรคแทรกช้อน  หรืออาจจะเป็นเชื้อหวัดที่ต้องได้รับการดูรักษาเป็นพิเศษ


krabork



ใครที่ซื้อรองเท้ามาใหม่ พอใส่แล้วเกิดปัญหา “รองเทากัด” วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีแก้มาฝากกัน 

- ทาปิโตรเลียมเจล ไว้ด้านในรองเท้า ทิ้งไว้ข้ามคืน เช็ดออกด้วยผ้าให้สะอาดแล้วค่อยสวมรองเท้า
- ทาน้ำมันมะพร้าว ไว้ด้านในรองเท้า สามคืนติดต่อกัน น้ำมันนี้จะช่วยให้รองเท้านุ่มขึ้น แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบความมัน ก็ลองฝานมันฝรั่งดิบเป็นแผ่น ๆ วางไว้ด้านในรองเท้า โดยเฉพาะบริเวณส้นเท้า ทำซ้ำแบบนี้สองคืน

แต่ถึงแม้ที่จะพยายามป้องกันไม่ให้รองเท้ามากัดแล้ว แต่ก็ยังมีการขบเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เท้าเกิดแผล

วิธีการรักษาและลดอาการเจ็บ

- ใช้แป้งข้าวเจ้าผสมน้ำให้พอข้น ทาบนบริเวณที่โดนรองเท้ากัด ทิ้งไว้จนแห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดให้แห้ง จะช่วยลดความเจ็บแสบลง
- ใช้ใบสะเดาสองสามใบ ผสมกับผงขมิ้น เติมน้ำ แล้วบดผสมกันให้กลายเป็นครีมข้น ทาลงบนแผลรองเท้ากัด วิธีนี้จะช่วยลดอาการเจ็บลงได้อย่างมาก อีกทั้งยังช่วยให้แผลแห้ง


ลมหนาวมาเยือนอย่างนี้ การรู้จักดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอจะช่วยลดโอกาสป่วยไข้ไม่สบายได้ 'เกร็ดความรู้' วันนี้จึงนำเคล็ดลับอบอุ่นร่างกายมาฝาก


เริ่มจาก ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เพื่อแก้หนาว เพราะแท้ที่จริงแล้วไม่ได้ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย  แต่ยังทำให้ร่างกายไม่สามารถทนต่อสภาพหนาวเย็นได้ อีกทั้งอาจคาดสติ จนไม่ได้สวมเครื่องป้องกันลมหนาว โดยอาหารและเครื่องดื่มที่เหมาะในช่วงหน้าหนาว คือ อาหารจำพวกโปรตีน เครื่องเทศที่ใช้ควรเน้น พริกไทย ขิง กระเทียม หัวหอม ดื่มชาหรือน้ำขิงร้อนๆ 

ทั้งนี้ สภาพอากาศที่หนาวเย็น มักทำให้เกิดอาการเป็นตะคริว สร้างความเจ็บปวดให้กับกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันอาการดังกล่าว ควรสวมเสื้อผ้าเนื้อหนาและเครื่องกันหนาวอื่นๆ เช่น ผ้าพันคอ ถุงเท้า แต่ระวังอย่าให้รัดแน่นจนเกินไป เนื่องจากอากาศเย็นๆ ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกอยู่แล้ว หากยิ่งสวมสิ่งที่รัดผิวแน่น ก็ยิ่งขวางทางเดินเลือดเข้าไปอีก โดยปัญหาเลือดไหลเวียนไม่สะดวกและผิวหนังถูกรัดแน่นยังเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการตะคริวด้วย


กรณีไปท่องเที่ยวบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นมาก เช่น ภาคเหนือ บนภู บนเขา ไม่ควรผิงไฟในเต้นท์ เพราะจะได้รับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้เข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ยังไม่ควรนอนในที่ร่ม ลมโกรก โดยไร้เครื่องป้องกันหนาว ที่สำคัญไม่นำเด็กเล็กเข้าไปใกล้บริเวณที่ก่อไฟ เพราะควันไฟจะระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เป็นหวัดง่าย  


อย่างไรก็ตาม ยังมีการออกกำลังกาย จะช่วยให้ระบบเลือดไหวเวียนได้ดี โดยขณะออกกำลังกายแนะนำให้หายใจยาวและลึกขึ้น.



ขอบคุณ นสพ.เดลินิวส์


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์



 นับตั้งแต่ที่โลกใบนี้ได้รู้จักกับคำว่า "อินเทอร์เน็ต" (Internet) ก็มีเรื่องราวต่าง ๆ นานาที่มีการคิดและพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อหลาย ๆ คนเริ่มอีเมลเป็นของตัวเอง เริ่มมีแอ็คเค้าท์ในโลกโซเชี่ยลต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, ไฮไฟ, กูเกิล พลัส หรือตามเว็บบอร์ดอื่น ๆ ทั่วไป 

          ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญและเหมือนเป็นปราการด่านแรก ๆ ที่จะเล่นโซเชี่ยลต่าง ๆ เหล่านั้นได้ ผู้ใช้จำเป็นต้องมีการตั้งรหัสผ่าน หรือที่เรา ๆ ท่าน ๆ เรียกกันจนชินปากว่า "พาสเวิร์ด" (Password) เสียก่อน ถึงจะเข้าไปใช้งานได้ตามปกติ

          แต่ก็มีอยู่บ่อยครั้งเหมือนกันที่พาสเวิร์ดต่าง ๆ ที่เคยตั้งไว้ ดันโดนแฮ็คหรือโดยเจาะเข้าไปได้ง่าย ๆ ซึ่งก็เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการตั้งพาสเวิร์ดที่คนส่วนใหญ่รู้จัก เช่น "1234" หรือ "abcd" หรือใด ๆ ก็ตามแต่ที่มักจะยึดเอาไว้ว่าจำได้ง่าย และการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่ไปบอกกล่าวให้คนอื่น ๆ รู้ จนผลสุดท้ายแล้ว ก็โดนคนอื่น ๆ แฮ็คไปเอาข้อมูลออกไปจนเกลี้ยง จนถึงขั้นหนักที่มีการฟ้องร้องกัน เพราะการตั้งพาสเวิร์ดที่ไม่ได้เรื่องมาแล้วก็มีเหมือนกัน

          ด้วยเหตุนี้เอง ทางเว็บไซต์ pcmag.com จึงได้รวบรวมเอา 25 พาสเวิร์ดแย่ ๆ มาให้ทุก ๆ ท่านได้รู้เอาไว้ว่าเป็นพาสเวิร์ดที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยว หรือนำมาใช้เป็นพาสเวิร์ดส่วนตัวแต่อย่างใด เพราะพาสเวิร์ดเหล่านี้ไม่ได้มีความปลอดภัยอะไรเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นแล้วไปดูกันว่า พาสเวิร์ดทั้ง 25 แบบนั้น มีอะไรบ้าง..

 1. password
 2. 123456
 3. 12345678
 4. qwerty
 5. abc123
 6. monkey
 7. 1234567
 8. letmein
 9. trustno1
 10. dragon
 11. baseball
 12. 111111
 13. iloveyou
 14. master
 15. sunshine
 16. ashley
 17. bailey
 18. passw0rd
 19. shadow
 20. 123123
 21. 654321
 22. superman
 23. qazwsx
 24. michael
 25. football
          เมื่อรู้แบบนี้แล้ว หลาย ๆ คนคงจะสงสัยว่า แล้วจะต้องตั้งพาสเวิร์ดแบบไหนดีล่ะ ถึงจะแข็งแรง โดนเจาะยาก และง่ายต่อการจดจำบ้าง ทางเว็บไซต์ pcmag.com ก็ได้บอกกล่าวเอาไว้ว่า หลักการง่าย ๆ เพื่อที่จะได้มีพาสเวิร์ดที่แข็งแรง ใครคนอื่นเข้ามาเจาะได้ยากนั้น ก็เพียงแค่เลือกใช้พาสเวิร์ดที่มีทั้งตัวอักษรและตัวเลขรวมกัน โดยอาจจะใช้ตัวอักษรที่คุณชอบ ฉายาที่เพื่อนเรียก หรือตัวย่อใด ๆ ก็ตามแต่แล้วแต่จะเลือกกันมา ส่วนตัวเลขก็อาจจะเป็นวันเกิด เบอร์โทรศัพท์ ทะเบียนรถ เลขที่บ้าน ฯลฯ

          และหากคุณมีหลายแอ็คเคาท์ เช่นมีหลากหลายสื่อโซเชี่ยล เล่นทั้งเฟซบุ๊ก เล่นทั้งทวิตเตอร์ เช็คอีเมล เข้าเว็บบอร์ด และอื่น ๆ  ก็ไม่ควรที่จะใช้พาสเวิร์ดเดียวกับกับทุก ๆ แอ็คเค้าท์ คิดให้หลากหลายเข้าไว้ ขณะที่อีกสิ่งหนึ่งสำคัญที่ควรจะนึกเอาไว้เสมอก็คือ ให้คิดว่าพาสเวิร์ดก็เหมือนชุดชั้นในที่ต้องปิดให้มิดชิด เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง เพียงง่าย ๆ เท่านี้ คุณก็จะมีพาสเวิร์ดที่แข็งแรง และยากต่อการถูกเจาะเข้าระบบแล้วล่ะ..